#
Reports

ธุรกิจสายเขียว กัญชาไทย แสงสว่างปลายอุโมงค์

เพื่อนๆ ทราบไม่ว่าในปี 2565 ที่ผ่านมา ยอดขายสาร CBD ทั่วโลก ในกลุ่มกัญชาทางการแพทย์เพื่อใช้สำหรับผู้ใหญ่ มีมูลค่าสูงถึง 45 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีโอกาสทะยานสูงขึ้นไปแตะระดับ 101 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2569 ดังนั้นความต้องการผลักดันให้กัญชาเกิดความเสรีจึงดีดตัวเร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละประเทศและรัฐต่างๆ เริ่มอยากผลักดันให้กัญชาเข้าโหมดถูกกฎหมาย ประเทศไทยเองก็ขานรับกระแสนี้อย่างเปิดเผย โดยกัญชาได้ถูกปลดล็อคตามพระราชบัญญัติกัญชา-กัญชง ว่าด้วยเรื่องที่สามารถครอบครอง เพาะปลูก และจัดจำหน่าย รวมไปถึงการบริโภคได้ ซึ่งการปลดล็อคกัญชาสามารถเพิ่มศักยภาพทางการเกษตรและการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี และด้วยสถานการณ์ภาพรวมของทั่วโลกเป็นแบบนี้ โปรแกรมกัญชาในบ้านเราจึงเริ่มมีแสงสว่างเกิดขึ้นที่ปลายอุโมงค์ แสงสว่างนี้จะเจิดจ้ามากขึ้น หากประเด็นความท้าทายเหล่านี้ ได้รับการขับเคลื่อนผลักดันอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งจากภาครัฐและตัวผู้ประกอบการเอง ใบอนุญาต ธุรกิจสายเขียวจำต้องให้ความสำคัญในประเด็นนี้เป็นอย่างแรก รัฐบาลไทยได้ประกาศข้อกำหนด ให้ขอใบอนุญาตในการดำเนินการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชา ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้า ส่งออก เพาะปลูก การผลิตและการขายต้นกัญชา โดยวัตถุประสงค์ของการออกใบอนุญาตคือ เน้นลดการเพาะปลูกและจำหน่ายอย่างผิดกฎหมาย รวมไปถึงก่อให้เกิดการบริโภคกัญชาอย่างปลอดภัย คุณสมบัติ กิจการกัญชาจะต้องเป็นของบริษัทสัญชาติไทยเท่านั้น การถือหุ้นในการนำเข้า ส่งออก การผลิต และการขายกัญชา ในข้อกำหนดที่เข้มงวดนี้ เป็นไปตามมาตรา 46 ในพระราชบัญญัติการป้องกันและการโฆษณาสมุนไพรไทย ธุรกิจสายเขียวในประเทศไทยอนุญาตให้จัดตั้งบริษัทภายใต้กฎหมายไทยเท่านั้น และต้องมีบุคคลสัญชาติไทยเป็นผู้ถือหุ้น 2 ใน 3 และต้องมีบุคคลสัญชาติไทยอยู่ในตำแหน่งผู้บริหาร 2 ใน 3 ด้วยเช่นกัน โฆษณาผลิตภัณฑ์กัญชา หนีไม่ออกที่ธุรกิจสายเขียว จะต้องเผชิญความยากลำบากอย่างมาก เพื่อฝ่าด่านข้อกำหนดทางกฎหมาย เกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อการขาย ธุรกิจกัญชาควรตระหนักถึงข้อจำกัดนี้ รวมไปถึงการติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหวในนโยบายที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดข้อกำหนด ในการโฆษณาเพื่อขายกัญชา สร้างความน่าเชื่อถือ ธุรกิจกัญชาควรเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่น่าเชื่อถือ การดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกับความน่าเชื่อถือ เป็นสิ่งสำคัญในตลาดกัญชา ความน่าเชื่อถือเป็นรูปแบบทรงประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าและกลุ่มเป้าหมาย จะไม่มีทัศนคติด้านลบต่อผลิตภัณฑ์และบริการ ธุรกิจสายเขียวจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจว่า การผลิต การจำหน่าย และการบริการ เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ  เน้นให้สาระความรู้ ธุรกิจสายเขียวสามารถสร้างเนื้อหาให้ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือจัดทำอินโฟกราฟิกไปยังกลุ่มเป้าหมาย แทนการโปรโมตสินค้าโดยตรง แต่ต้องยึดโยงกับผู้ใช้กัญชาด้วยการส่งข้อมูลที่เน้นสาระความรู้ เพื่อให้ตระหนักถึงวิธีใช้กัญชาอย่างถูกต้องและปลอดภัย ผลสำรวจและการแชร์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ส่งผลดีต่อธุรกิจสายเขียว ที่จะช่วยสร้างการรับรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเปิดรับทางกฎหมาย การได้มาซึ่งใบอนุญาต ความครบพร้อมด้วยคุณสมบัติตามข้อบังคับ แนวทางโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เป็นไปได้ สามารถสื่อสารความน่าเชื่อถือไปยังตัวผู้ประกอบการ ที่เน้นสร้างเนื้อหาสาระให้ความรู้อันเป็นประโยชน์ องค์ประกอบเหล่านี้จะทำให้แสงสว่างปลายอุโมงค์ ของธุรกิจสายเขียวชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้เพื่อนๆ อาจคิดว่าทางทีม GREENWIRE มโนไปเองหรือเปล่า คำตอบคือ เปล่าเลย บทความบางส่วนของสื่อ BUSINESS TODAY ยืนยันอ้างอิงได้เป็นอย่างดี “ตลาดกัญชาในประเทศไทย เป็นตลาดใหม่มีโอกาสเติบโตสูง ประเทศไทยคือหนึ่งในประเทศที่มีชื่อเสียง เกี่ยวกับกฎหมายคุมเข้มเรื่องกัญชาเป็นอย่างมาก ต่อการเปลี่ยนแปลงตัวบทกฎหมายที่เกิดขึ้น ได้เปิดทางให้ตลาดกัญชามีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว  ซึ่งคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดของกัญชาเพื่อการแพทย์จะสูงถึงกว่า 7,000 ล้านบาท ภายในปี พ.ศ. 2567 และมูลค่าตลาดของกัญชาที่ใช้เพื่อความเพลิดเพลินอยู่ที่ 14,000 ล้านบาทภายในช่วงเวลาเดียวกัน”
#

ทำความรู้จัก สาร THC, CBD และ CBG กันหน่อยดีกว่าเพื่อนๆ

ในกัญชาแต่ละชนิดสายพันธุ์ จะให้ระดับปริมาณสาร THC, CDB และ CBG ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งความแตกต่างนี้ส่งผลต่อสรรพคุณและการออกฤทธิ์ รวมไปถึง Feeling ต่างๆ ที่ผู้ใช้จะได้รับ ในขณะที่กำลังเข้าถึงความเป็นเนื้อแท้ของกัญชาชนิดนั้นๆ วันนี้ GREENWIRE อาสาพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จัก สารทั้ง 3 นี้ อย่างถูกต้องและเข้าใจง่ายๆ กันดีกว่า สาร Tetrahydrocannabinol (THC) - เมื่อได้รับสาร THC ในขนาดที่เหมาะสม จะมีผลในการลดปวด ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดอาการคลื่นไส้ เกิดความผ่อนคลาย - หากได้รับในขนาดที่เกินพอเหมาะ จะทำให้มีอาการเมาเคลิ้ม ใจสั่น หน้ามืด เห็นภาพหลอน ส่งผลต่อการรับรู้ การตัดสินใจ - หากใช้สาร THC ในปริมาณที่สูงอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จะทำให้เกิดภาวะดื้อต่อสาร (tolerance) ทำให้ผู้ใช้ต้องคอยเพิ่มปริมาณในการใช้ เพื่อจะให้ได้ผลเท่าเดิม และเสี่ยงต่ออาการติดยาได้ สาร Cannabidiol (CBD ) - ออกฤทธิ์ตรงข้ามกับ THC และให้ผลตรงกันข้ามเหมือนกับคอยต้านฤทธิ์ของ THC โดย CBD ไม่ทำให้เสพติด ไม่ทำให้เกิดอาการเมา ซึม หรือร่างกายไม่ทำตามที่สมองสั่ง - ในผู้ใช้บางราย สาร CBD อาจช่วยให้นอนหลับได้ และช่วยเพิ่มความอยากอาหาร มีอารมณ์ดี - สาร CBD ยังไม่พบว่าทำให้เกิดการดื้อหรือติด สาร Cannabigerol (CBG) - CBG เป็นสารตั้งต้นของทั้ง THC และ CBD ทำให้ CBG มีคุณสมบัติในทางการแพทย์ เหมือนกับนำข้อดีของ CBD และ THC มารวมเข้าไว้ด้วยกัน - CBG ไม่จัดอยู่ในรายการสารเสพติด ตามกฎหมายยาเสพติดสากล CBG ไม่ทำให้เกิดการเสพติด ไม่ทำให้เมา และไม่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทของผู้ใช้ - นักวิจัยจากอิตาลีและอิสราเอล พบว่า สาร CBG ช่วยชะลอการเติบโตของเนื้องอก และ ต่อต้านการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง มาถึงย่อหน้านี้ ก็เริ่มเข้าใจง่ายๆ ได้แล้วว่า THC นี้แหละที่ทำให้ผู้ใช้กัญชาเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย โดยมี CBD คอยทำหน้าที่เฝ้าระวังไม่ให้เกิดอาการเสพติด (ในกรณีที่ใช้อย่างพอเหมาะ) และเมื่อนำเอาข้อดีของ THC กับ CBD มารวมกันจึงกลายเป็น CBG ที่ให้ผลเกิดเป็นประโยชน์ในหลากหลายด้านสู่ทางการแพทย์ ในท้ายที่สุดของบทความนี้ ทีมงาน GREENWIRE เชื่อมั่นว่า เพื่อนๆ ทุกคนจะเริ่มมีความเข้าใจในฤทธิ์ สรรพคุณ และ Feeling ต่างๆ ของกัญชามากขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อไปจริงๆ หากเพื่อนๆ สามารถหาความพอดีพอเหมาะในการใช้กัญชาไปในทางที่ Smart สุดๆ แก่ตัวเอง
#
Reports

เยอรมนีดันสุดตัว ทำกัญชาสันทนาการ ให้ถูกกฎหมาย

รัฐบาลเยอรมนีเผยแพร่ร่างกฎหมายในแนวคิดหลักๆ ผลักดันเข้าสู่กระบวนการทำให้กัญชาถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะควบคุมการปลูกกัญชาแบบส่วนตัวและส่วนรวม เพื่อวัตถุประสงค์ในการสันทนาการผักผ่อนหย่อนใจ ตัวบทกฎหมายว่าด้วยเรื่องการวางรากฐานสำหรับการเพาะปลูกส่วนตัวและส่วนรวม ในรูปแบบ “สมาคมการเพาะปลูก” ที่ไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งสมาชิกจะได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาร่วมกัน และแบ่งปันกันในจำนวนที่กำหนดไว้ เพื่อใช้กัญชาในการสันทนาการหรือบริโภคของตนเอง ร่างกฎหมายฉบับนี้คาดว่าจะถึงคณะรัฐมนตรีกลางเพื่อขออนุมัติโดยเร็ววัน ซึ่งมีการคาดหวังให้สามารถผ่านกฎหมายและมีผลบังคับใช้ก่อนสิ้นปี 2023 นี้ รายละเอียดของร่างกฎหมายประกอบด้วย จำกัดการปลูกในบ้านให้มีกัญชา 3 ต้นต่อผู้ใหญ่หนึ่งคน จำกัดการครอบครองกัญชาตามกฎหมายไว้ที่ 25 กรัมต่อผู้ใหญ่หนึ่งคน สมาชิกในสมาคมการเพาะปลูกกัญชา จำกัดการครอบครองไว้ที่ 25 กรัมต่อวัน มากที่สุด 50 กรัมต่อเดือน ผู้ที่มีอายุไม่เกิน 21 ปีจำกัดปริมาณสูงสุด 30 กรัมต่อเดือน โดยจำกัด THC ไว้ที่ 10% ห้ามดำเนินการโฆษณาทั่วไป และไม่ให้มีสปอนเซอร์ สำหรับกัญชาและสมาคมผู้เพาะปลูก เยอรมนีจะเดินหน้าต่อทันที โดยจะมีการแนะนำกฎหมายฉบับที่ 2 เชื่อมโยงกับโครงการนำร่องระดับภูมิภาค ที่เรียกขานกันว่า “เสาหลักที่ 2” ปักหลักทำให้กัญชาถูกต้องตามกฎหมาย โดยกฎหมายฉบับที่ 2 คาดหวังประสานตรงไปยังคณะกรรมาธิการยุโรปและประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปด้วยเช่นกัน